ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วิดีโอฝึกหัดจ้า

ประวัติโรงเรียนนาดีพิทยาคม

ประวัติความเป็นมา                  

                   โรงเรียนนาดีพิทยาคม ก่อตั้งเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม  2535 เนื่องจากสภาตำบลนาดี โดยนายทองสุข พลเยี่ยม กำนันตำบลนาดี มีแนวความคิดที่จะขยายการศึกษาสู่ท้องถิ่นเพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหลานชาวบ้านตำบลนาดีและตำบลใกล้เคียงมีโอกาสศึกษาในระดับมัธยมศึกษามากขึ้น จึงทำเรื่องเสนอโรงเรียนเซิมพิทยาคม ซึ่งมีนายไพบูลย์  นาคเสน เป็นผู้บริหารในขณะนั้น ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตพื้นที่บริการ ทางโรงเรียนจึงอนุมัติจัดตั้งเป็นโรงเรียนสาขาที่ ตำบลนาดี ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2535

        ต่อมากระทรวงศึกษาธิการประกาศตั้งเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาในนาม "โรงเรียนนาดีพิทยาคม " เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2538 โดยมีหน้าที่จัดการเรียนการสอนในเขตพื้นที่บริการ 2 ตำบล คือ ตำบลนาดี และตำบลโซ่ เปิดทำการสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 6 ห้อง ปีการศึกษา 2540 กระทรวงศึกษาธิการให้เปิดสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-ม.6) จำนวน 2 ห้อง โดยมีนายสุเทพ  กองมณี เป็นผู้บริหารโรงเรียนถึงปัจจุบัน
วิสัยทัศน์ของโรงเรียน
                มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ผู้เรียนมีความรู้คู่คุณธรรมนำเทคโนโลยี  นวัตกรรม ดนตรี กีฬา สืบสานศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ่น
พันธกิจ
1.จัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับหลักสูตรขั้นพื้นฐาน ตลอดจนความต้องการของผู้เรียนและท้องถิ่น
2.พัฒนาให้นักเรียนมีความรู้และทักษะต่างๆ ตามหลักสูตรขั้นพื้นฐาน
3.พัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
4.พัฒนาให้นักเรียนมีคุณธรรม/จริยธรรม ตามคุณลักษณะที่พึงประสงค์
5.พัฒนาบุคลากรของโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
6.สร้างสิ่งแวดล้อมและพัฒนาอาคารสถานที่ ให้เอื้อต่อการเรียนรู้ ส่งเสริมสุขภาพอนามัย ตลอดจนความปลอดภัยของนักเรียน
7.จัดให้มีวัสดุ ครุภัณฑ์ นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักเรียน
8.สร้างจิตสำนึกอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทยเพื่อแหล่งเรียนรู้ในชุมชน และนำมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของนักเรียนและท้องถิ่น
9.เป็นผู้นำในการค้นคว้า ศึกษา และวิจัยในท้องถิ่น
10.ส่งเสริม สนับสนุน และให้บริการชุมชนในทุก ๆ ด้าน

เป้าประสงค์
โรงเรียน ชุมชน ร่วมมือในการพัฒนาการศึกษา โดยมุ่งให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ และสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
สถานที่ตั้ง

โรงเรียนนาดีพิทยาคม ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 บ้านนาดี ตำบลนาดี อำเภอเฝ้าไร่ จังหวัดหนองคาย ห่างจากตัวอำเภอเฝ้าไร่ 7 กิโลเมตร โรงเรียนมีพื้นที่ทั้งหมด 30 ไร่ ซึ่งได้รับบริจาค จาก

1.นายชอุ่ม ช้างสี
2.นายเตียง ไหตาสี
3.นางทองแดง จันทะโม
4.นางสมร บัวประกอบ

สภาพทางภูมิศาสตร์

โรงเรียนนาดีพิทยาคม มีอาณาเขตติดต่อของโรงเรียนมีดังนี้
ทิศเหนือ ติดกับ ที่นาชาวบ้าน
ทิศตะวันออก ติดกับ ที่นาชาวบ้าน
ทิศตะวันตก ติดกับ ที่นาชาวบ้าน

คติพจน์ของโรงเรียน

   อสาธุ สาธุนา ชิเน “ ปัญญาเป็นแสงสว่างในโลก”

ปรัชญาของโรงเรียน
    การศึกษา คือหลักใหญ่ให้เด็กไทยมีปัญญา

สีประจำโรงเรียน

   น้ำเงิน - แดง

ดอกไม้ประจำโรงเรียน

   ดอกคูน

ต้นไม้ประจำโรงเรียน

   ต้นประดู่

ตราประจำโรงเรียน
" ตราคบเพลิงอยู่เหนืออักษรย่อโรงเรียน "

คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของนักเรียน

“แต่งกายถูกระเบียบ เพียบพร้อมมารยาท รักความสะอาดเป็นนิสัย มีน้ำใจช่วยเหลือสังคม”

จำนวนนักเรียนแยกตามระดับชั้น  เพศ  ปีการศึกษา 2553


โรงเรียนนาดีพิทยาคม  ต.นาดี  อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย


    ระดับชั้น      ชาย       หญิง       รวม


                                            ม.1/1                9               21            30


                                            ม.1/2               18              12            30


                                            ม.1/3               14              20            34


                                            ม.2/1               26              11            37


                                            ม.2/2               21                0            21


                                            ม.2/3                 5              32            37


                                            ม.3/1               14              17            31


                                            ม.3/2               16                4            20


                                            ม.3/3               13              17            30


                                            ม.4/1               17              17            34


                                            ม.4/2               16              16            32


                                            ม.5/1                 6              15            21


                                            ม.5/2                 7              16            23


                                            ม.6                    12             22            34


                          รวมทั้งสิ้น     194      220     414
ทำเนียบบุคคลากร
                                     ชื่อ :   นายสุเทพ กองมณี   ตำแหน่ง :   ผู้อำนวยการโรงเรียน
                                     ฝ่ายงาน   บริหาร  ภูมิลำเนา   ต.นาหนัง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย
                                     ติดต่อเบอร์โทร   084-7953939
                                     E - Mail :  -
                                                                  

 

วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ระบบการย่อยอาหารของกระเพาะอาหาร

กระเพาะอาหาร (stomach) มีลักษณะที่เป็นถุงมีชั้นกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ส่วนชั้นในสุด
เป็นชั้นของเยื่อบุกระเพาะอาหารที่มีต่อมมากมายทำหน้าที่สร้างของเหลว (gastric juice)
ออกมา 3 ชนิด  คือ เอนไซม์เปปซิน กรดไฮโดรคลอริกและน้ำ
           อาหารเมื่อย่อยในปากแล้วจะถูกส่งไปยังกระเพาะอาหารโดยผ่านไป
ตามหลอดอาหาร ปกติกระเพาะอาหารขณะที่ไม่มีอาหารอยู่จะมีขนาดประมาณ
50 ลูกบาศก์เซนติเมตร แต่เมื่อมีอาหารบรรจุ กระเพาะอาหารก็จะสามารถขยายเพิ่มขึ้น
ได้อีกประมาณ 10 - 40 เท่า
    ผนังชั้นในสุดของกระเพาะอาหารทำหน้าที่ผลิตเอนไซม์ชื่อว่าเปปซิน ( pepsin )

และ กรดไฮโดรคลอริก ออกมาในปริมาณเล็กน้อยอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อมีอาหารเข้า
สู่กระเพาะอาหารเอนไซม์และกรดไฮโดรคลอริกก็จะถูกผลิตและขับออกมา
ในปริมาณมากขึ้น
 เพื่อใช้ในการย่อยอาหาร นอกจากนี้ยังมีเอนไซม์อีกชนิดหนึ่ง ชื่อว่า เรนนิน
สำหรับย่อยโปรตีนในน้ำนม
    เอนไซม์เปปซินในกระเพาะอาหารมีหน้าที่ย่อยสารอาหารประเภทโปรตีนให้มี

ขนาดเล็กลง แต่ยังมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะแพร่เข้าสู่เซลล์ได้ ดังนั้นจะต้องส่งไป
ย่อยต่อที่ลำไส้เล็กกรดไฮโดรคลอริกที่กระเพาะอาหารสร้างขึ้นแลปล่อยออกมา
ในตอนแรกจะมีความเข้มข้นสูง สามารถทำอันตรายแก่เนื้อเยื่อต่างๆในร่างกายได้
แต่จะไม่เป็นอันตรายต่อกระเพาะอาหาร
ถ้ากรดนี้รวมตัวกับอาหารในกระเพาะทำให้กรดเจือจางลง ประกอบกับเนื้อเยื่อบุ
กระเพาะอาหารด้านในมีการสรางน้ำเมือกเคลือบไว้ กรดไฮโดรคลอริกจึงไม่ทา
อันตรายแก่ผนังกระเพาะอาหารได้ง่ายนัก แต่ถ้ากระเพาะอาหารปล่อยน้ำย่อย
ออกมามากๆ ในขณะที่ไม่มีอาหารอยู่จะมีผลทำให้ผนังของกระเพาะอาหารถูก
ทำลายได้ และเมื่อเกิดบ่อยๆครั้งจะเป็นผลทำให้เกิดแผลและีเลือดไหลซึมออก
มาจากเยื่อบุในกระเพาะอาหาร สังเกตได้จากอุจจาระมีสีดำเนื่องจากมีเลือด
ไหลปนออกมาด้วย
การย่อยอาหารของสัตว์เคี้ยวเอื้อง
สัตว์เคื้ยวเอื้องเป็นสัตว์ที่มีจำนวนมาก จึงมีทางเดินอาหารแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิด
ของอาหารที่กิน ตัวอย่างเช่น สัตว์กินพืช เช่น วัวและควาย จะมีโครงสร้างของทางเดิน
อาหารที่แตกต่างจากสัตว์อื่น โดยเฉพาะกระเพาะอาหารจะแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ
       1. รูเมน (Rumen) เรียกว่า ผ้าขี้ริ้ว มีลักษณะเป็นผนังยื่นออกมา ทำหน้าที่หมัก

อาหารโดยจุลินทรีย์ อาหารจะถูกส่งออกมาเคี้ยวเอื้องอีกครั้งหนึ่งเพื่อบดเส้นใยให้ละเอียด
       2. เรติคิวลัม (Reticulum) เรียกว่า กระเพาะรังผึ้ง
       3. โอมาซัม (Omasum) เรียกว่า กระเพาะสามสิบกลีบ
      4. อะโบมาซัม (Abomasum) หรือกระเพาะจริง จะมีการย่อยอาหารทางเคมี

และส่งอาหารต่อไปยังลำไส้เล็ก เพื่อย่อยอาหารที่กินเข้าไป และย่อยจุลินทรีย์เป็นอาหารต่อไป
 หญ้าที่วัวกินเข้าไปนั้นจะเข้าไปอยู่ในกระเพาะส่วนเรติคิวลัม จากนั้นจะมีการหดตัวของกระเพาะส่วนเรติคิวลัม เพื่อส่งอาหารผ่านเข้าสู่กระเพาะส่วนรูเมน ซึ่งเป็นกระเพาะที่มีขนาดใหญ่กว่ากระเพาะอื่นๆ เมื่อวัวกินอาหารจนเต็มที่แล้วก็จะสำรอกอาหารที่เก็บอยู่ในกระเพาะส่วนรูเมนออกมาเคี้ยวใหม่เป็นครั้งเพื่อบดอาหารให้ละเอียดขึ้น เรียกว่า เคี้ยวเอื้อง แล้วกลืนกลับเข้าไปใหม่ อาหารจะถูกหมักอย่ในกระเพาะ รูเมนเป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยมีแบคทีเรียและโพรโทซัว ช่วยย่อยสลายเซลลูโลสให้เป็นกรดไขมันอย่างง่าย กรดไขมันนี้จะถูกดูดซึมเข้าสู่ระบบหมุนเวียนเลือดเพื่อใช้เป็นแหล่งให้พลังงานและจุลินทรีย์เหล่านี้ยังช่วยสังเคราะห์กรดไขมันจากคาร์โบไฮเดรต และสังเคราะห์กรดอะมิโน จาก ยูเรีย แอมโมเนียจากการหมักนอกจากนี้จุลินทรีย์ยังสามารถสร้างวิตามินบี12ได้ด้วยจากนั้นอาหารและจุลินทรีย์ที่อยู่ในกระเพาะรูเมนจะถูกบีบส่งกลับไปยังกระเพาะส่วนเรติคิวลัม และส่งต่อไปยังกระเพาะโอมาซัม เพื่อบดอาหารผสมรวมกัน และบีบคั้นน้ำออกเพื่อให้อาหารแห้งและเป็นก้อน จากนั้นส่งเข้ากระเพาะอาหารแอบโอมาซัมหรือกระเพาะจริง เพื่อทำการย่อยตามปกติ โดยมีเอนไซม์ช่วยในการย่อย
          เมื่ออาหารย่อยในกระเพาะอาหารแล้วจะถูกขับออกมาสู่ลำไส้เล็กตอนต้นและมีอวัยวะอื่นๆ อีกที่ช่วยในการย่อยอาหาร ได้แก่ ตับอ่อน สร้างเอนไซม์มาย่อยอาหารพวกโปรตีน ไขมัน และแป้ง ตับสร้างน้ำดีเพื่อช่วยในการย่อยในลำไส้เล็กโดยทำให้ไขมันแตกตัว เมื่ออาหารย่อยเสร็จเรียบร้อยแล้วจะดูดซึมเข้าระบบหมุนเวียนเลือดเพื่อนำไปใช้ในส่วนต่างๆของร่างกาย

วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ประวัติของผู้จัดทำ blog

ชื่อ  นางสาวนิรมล   ปาปะขำ
เกิด  2  มกราคม  2526 
อายุ   27  ปี
ชอบสี  น้ำเงิน  เขียว  ชมพู
นิสัย  ร่าเริง  แจ่มใส
ปัจจุบัน  รับราชการครู ที่  รร  นาดีพิทยาคม  อ เฝ้าไร่  จ หนองคาย
e-mail  nickyblue_11@hotmail.com
tel  083-3294551
ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน  45 หมู่ 7 ต รัตนวาปี  อ  รัตนวาปี จ หนองคาย  43120
การศึกษา  ปริญญาตรี   มหาวิทยาลัยมหาสารคา
คณะ  วิทยาศาตร์  เอก ชีววิทยา
อาหารที่ ชอบ ส้มตำ 
แนวเพลง pop